tag:blogger.com,1999:blog-54603611313422378092024-03-12T20:06:51.429-07:00กล้วยทอดเบรคแตกNATDANAIhttp://www.blogger.com/profile/06819124678145094487noreply@blogger.comBlogger1125tag:blogger.com,1999:blog-5460361131342237809.post-171363969103822862016-02-25T00:22:00.001-08:002016-02-25T00:22:08.773-08:00<div class="style1">
<br /></div>
<div class="style1">
<br /></div>
<div class="style1">
กล้วยเป็นผลไม้ที่คนไทยรู้จักกันมานาน มีถิ่นกำเนิดแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งประเทศไทยเป็นประเทศหนึ่งในภูมิประเทศดังกล่าว และมีการปลูกกล้วยกันมากมายหลากชนิด ได้มีการแบ่งพันธุ์กล้วยและการใช้ประโยชน์ ออกเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่<br /><br /> 1. ปลูกเพื่อใช้ใบ ได้แก่กล้วยตานี กล้วยน้ำว้า กล้วยตานีเป็นกล้วยที่นิยมปลูกใช้ใบมากกว่าเนื่องจากใบมีความเหนียว ไม่ฉีกขาดง่าย <br /> 2. ปลูกเพื่อรับประทานผลสด ได้แก่กล้วยหอม กล้วยไข่ กล้วยน้ำว้า ผลการสำรวจพื้นที่เพาะปลูกและปริมาณผลผลิตกล้วย ปี 2538 พบว่าประเทศไทยมีพื้นที่ปลูกกล้วยน้ำว้า 731,006 ไร่ ผลผลิต1,180,465 ตัน ( กรมส่งเสริมการเกษตร 2540) <br /> 3. ปลูกเพื่อใช้ผลทำอาหารหรือแปรรูป พันธุ์ที่นิยมได้แก่กล้วยน้ำว้า กล้วยหักมุก กล้วยหิน กล้วยงาช้าง กล้วยนางพญา กล้วยที่เหมาะสำหรับทำอาหาร เมื่อทำสุกโดยผ่านความร้อนจะทำให้รสหวานอร่อยกว่าทานผลสด <br /> 4. ปลูกเพื่อใช้เส้นใย ได้จากส่วนที่เรียกว่ากาบกล้วย พันธุ์กล้วยที่นิยมทำเส้นใยได้แก่กล้วยตานี เนื่องจากมีความเหนียวกว่าเส้นใยกล้วยพันธุ์อื่น </div>
<div class="style1">
<br /></div>
<div class="style1">
<br /></div>
<div class="style1">
<span class="style1"><span class="style2">สูตรการทำกล้วยเบรกแตก</span> <br /><span class="style3">อุปกรณ์ที่ใช้</span> <br />- เตาแก๊ส <br />- กระทะ <br />- ไม้สำหรับคนกล้วย <br />- ถาด <br />- ตะแกรงตักกล้วย <br />- กระดาษฟางซับน้ำมัน <br /><br /><span class="style3">วัสดุที่ใช้</span> <br />1. กล้วยน้ำว้าสุกเหลืองแก่จัดหวีใหญ่ ( 16 ลูก ) 4 หวี <br />2. น้ำมันพืช <br /><br /><span class="style3">ขั้นตอนและวิธีทำ</span> <br />1. ปอกกล้วย แล้วใช้เครื่องไสกล้วยรองด้วยภาชนะพลาสติก <br />2. กระทะเบอร์ 28 นิ้ว ใส่น้ำมันตั้งไฟให้ร้อน <br />3. เทกล้วยที่ไสแล้วลงในกระทะใช้ไม้ปลายแหลมคอยคนกล้วยไว้เรื่อยๆ ประมาณ 20 นาที กล้วยจะสุกเหลืองได้ที่ <br />4. ใช้ตะแกรงตักกล้วยขึ้นให้สะเด็ดน้ำมัน เทลงถาดที่ปูด้วยกระดาษฟางซับน้ำมัน <br />5. เกลี่ยกล้วยให้กระจายไม่ให้กล้วยติดกัน ทิ้งไว้ให้เย็น <br />6. บรรจุลงถุงพลาสติค ปิดปากถุงไม่ให้อากาศเข้า</span></div>
<div class="style1">
<br /></div>
<div class="style1">
<br /></div>
<div class="style1">
<span class="style1"></span></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://2.bp.blogspot.com/-cdTRShrxrmg/Vs6zPPrRU8I/AAAAAAAAAAQ/Tn14snzFABI/s1600/IMG_4692.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="240" src="https://2.bp.blogspot.com/-cdTRShrxrmg/Vs6zPPrRU8I/AAAAAAAAAAQ/Tn14snzFABI/s320/IMG_4692.jpg" width="320" /></a></div>
<br />
<table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" style="width: 85%px;"><tbody>
<tr><td></td><td> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" style="width: 85%px;"><tbody>
<tr><td colspan="3"><span class="style5">ข้อมูลจาก : http://gotoknow.org/blog/f-y/226259</span></td></tr>
<tr><td colspan="3"> </td></tr>
</tbody></table>
</td><td><br /><br /><br /><br /><br /><br /><br /><br /><br /><br /><br /><br /><br /></td></tr>
</tbody></table>
NATDANAIhttp://www.blogger.com/profile/06819124678145094487noreply@blogger.com0